Pitukpong's Blog

หน้าแรก » บทเรียน » เนื้อหาเรื่อง Past Simple Tense

เนื้อหาเรื่อง Past Simple Tense

สิงหาคม 2016
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031  

ความเห็นล่าสุด

สถิติบล็อก

  • 960,235 hits

หมวดหมู่

Past Simple Tense

6.1 ประโยค Past Simple Tense เชิงบอกเล่า

โครงสร้าง : Subject + Verb 2

( ประธาน + กริยาช่องที่ 2 )

ตัวอย่าง : 1.He walked to school yesterday. ( เขาเดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

  1. They played volleyball last week. ( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

6.2 ประโยค Past Simple Tense เชิงปฏิเสธ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธ ทำได้ด้วยการใช้ Verb to do

ช่องที่ 2 คือ did มาช่วย และเติม not ข้างหลัง มีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Subject + did + not + Verb 1

( ประธาน + did + not + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. He did not ( didn’t ) walk to school yesterday. ( เขาไม่ได้เดินมาโรงเรียนเมื่อวานนี้ )

  1. They did not play volleyball last week. ( เขาทั้งหลายไม่ได้เล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว )

ข้อสังเกต : เมื่อนำ did มาใช้ในประโยคแล้วต้องเปลี่ยนกริยาช่องที่ 2 ให้เป็นกริยาช่องที่ 1 ด้วย

6.3 ประโยค Past Simple Tense เชิงคำถามและการตอบ

เมื่อต้องการแต่งประโยคใน Past Simple Tense ให้มีความหมายเชิงคำถาม ทำได้ด้วยการนำ did มาวางไว้หน้าประโยค

และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างของประโยคดังนี้

โครงสร้าง : Did + Subject + Verb 1

( Did + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 )

ตัวอย่าง : 1. Did he walk to school yesterday ?( เมื่อวานนี้เขาเดินมาโรงเรียนใช่หรือไม่ )

– Yes, he did. ( ใช่ เขาเดินมา )

– No, he didn’t. ( ไม่เขาไม่ได้เดินมา )

  1. Did they play volleyball last week ?( เขาทั้งหลายเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้วใช่หรือไม่

– Yes, they did. ( ใช่ เขาทั้งหลายเล่น )

– No, they didn’t . ( ไม่ เขาทั้งหลายไม่ได้เล่น

6.4 หลักการใช้ Past Simple Tense

  1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นและจบลงไปแล้วในอดีต ซึ่งมักจะมีคำ กลุ่มคำ หรืออนุประโยคต่อไปนี้อยู่ในประ

 

คำ                          กลุ่มคำ                               อนุประโยค

Ago                        last night                           when he was young

Once                      last year                            when he was five years old

Yesterday                yesterday morning               when I lived in Tokyo during the war

เช่น  I lived in Chaing mai 3 years ago. ( ฉันอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่แล้ว )

  1. His father died during the war. ( พ่อของเขาตายระหว่างสงคราม )
  2. He learned English when he was young. ( เขาเรียนภาษาอังกฤษเมื่อเขาเป็นเด็ก )

6.5 หลักการเติม ed ที่คำกริยา

  1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น

love – loved = รัก

move – move = เคลื่อน

hope – hoped = หวัง

  1. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น I แล้วเติม ed เช่น

cry – cried = ร้องไห้

try – tried = พยายาม

marry – married = แต่งงาน

ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ใหเติม ed ได้เลย เช่น

play – played = เล่น

stay – stayed = พัก , อาศัย

enjoy – enjoyed = สนุก

obey – obeyed = เชื่อฟัง

กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

plan – planned = วางแผน

stop – stopped = หยุด

beg – begged = ขอร้อง

  1. กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น

concur – concurred = ตกลง, เห็นด้วย

occur – occurred = เกิดขึ้น

refer – referred = อ้างถึง

permit – permitted = อนุญาต

ข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น

cover – covered = ปกคลุม

open – opened = เปิด

  1. นอกจากกฏที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น

walk – walked = เดิน

start – started = เริ่ม

worked – worked = ทำงาน


ใส่ความเห็น